
กลางปี 1970 บีจีย์กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แบร์รี่ประกาศว่าพวกเขาจะไม่มีวันแยกจากกันอีก ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ปี 1970 โรบินและมอริซได้บันทึกเพลงไว้หลายสิบเพลงก่อนที่แบร์รี่จะเข้ามาร่วมด้วย
- ในปี 1970 บีจีย์ออกอัลบั้ม “2 Years On” วางจำหน่ายเมื่อในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร นำซิงเกิ้ล “Lonely Days” ขึ้นถึงอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา
- อัลบั้มที่ 9 ของบีจีย์ “Trafalgar” ได้รับการเปิดตัวในปลายปี 1971 ด้วยซิงเกิ้ล “How Can You Mend a Broken Heart” และเป็นอัลบั้มแรกของพวกเขาที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตของสหรัฐอเมริกา และยังทำให้บีจีย์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่รางวัลแรกในสาขานักร้องกลุ่มที่มีการแสดงยอดเยี่ยม ต่อมาในปีเดียวกันเพลงของบีจีย์ก็ได้บรรจุอยู่ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Melody
- ในปี 1972 ซิงเกิ้ล “My World”พวกเขาขึ้นอันดับ 16 ในสหรัฐอเมริกา อีกหนึ่งซิงเกิ้ล “Run to Me” จากอัลบั้ม “To Whom It May Concern” ส่งกลับให้อัลบั้มนี้ของบีจีย์ติดอันดับท็อปเทนของสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรกในรอบสามปี

ต้นปี 1975 สามพี่น้องย้ายไปไมอามี ฟลอริดา เพื่อบันทึกเสียงที่ Criteria Studios หลังจากยุคแรกของบีจีย์ที่มีแต่เพลงบัลลาดพวกเขารับการแนะนำและกระตุ้นจาก Robert Stigwood ให้ทำเพลงแนวดิสโก้ที่เน้นการเต้นรำมากขึ้น
บีจีย์นำเพลง “Jive Talkin “ ที่ขึ้นอันดับที่ 1 และเพลง “Nights on Broadway” ที่ขึ้นถึงอันดับ 7 ในสหรัฐอเมริกา แนวดนตรีใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ได้รับความนิยมจากผู้ฟังมากทำให้อัลบั้ม “Main Course” ขึ้นชาร์ตในสหรัฐอเมริกา อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรกของบีจีส์ที่มีซิงเกิ้ลติดสิบอันดับแรกของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ อัลบั้ม “Idea” ปี 1968 และ “Main Course” ยังเป็นอัลบั้ม R&B ที่ติดในชาร์ตอัลบั้มแรกของพวกเขาด้วย ในการปรากฏตัวของบีจีส์ในรายการ The Midnight Special ในปี 1975 เพื่อโปรโมต “Main Course” พวกเขาร้องเพลง “To Love Somebody” ร่วมกับเฮเลน เรดดี้
อัลบั้มถัดไป “Children of the World” วางจำหน่ายในเดือนกันยายนปี 1976 ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มนี้คือ “You Should Be Dancing” ซึ่งมีงานดนตรีเพอร์คัสชั่นโดย Stephen Stills เพลงนี้ทำให้บีจีย์ขึ้นสู่ศิลปินระดับซุปเปอร์สตาร์ที่พวกเขาไม่เคยทำได้สำเร็จมาก่อนในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าเพลงแนว R&B และดิสโก้ของบีจีย์จะไม่ได้รับความนิยมในหมู่แฟนบางกลุ่มที่คลั่งไคล้ แต่เพลงป๊อปบัลลาด “Love So Right” ก็ขึ้นถึงอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกาและ “Boogie Child” ขึ้นถึงอันดับที่ 12 ของสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม ปี 1977 อัลบั้มนี้ขึ้นสูงสุดถึงอันดับที่ 8 ในสหรัฐอเมริกา

หลังจากอัลบั้มการแสดงสดที่ประสบความสำเร็จ “Here at Last” บีจีย์ได้ทำข้อตกลงกับ Robert Stigwood ที่จะมีส่วนร่วมในการทำอัลบั้มซาวด์แทร็ก “Saturday Night Fever” ซึ่งเป็นจุดสำคัญในอาชีพของพวกเขา มันส่งผลกระทบทางวัฒนธรรมจากทั้งภาพยนตร์และเพลงประกอบไปทั่วโลกทำให้เกิดกระแสของเพลงดิสโก้อย่างยาวนาน
สามซิงเกิ้ลต่อมา “How Deep Is Your Love” , “Stayin ‘Alive” และ “Night Fever” ได้รับความนิยมทั่วโลก เป็นช่วงเวลาที่ดิสโก้ได้รับความนิยมสูงสุด บีจีย์ยังเขียนเพลง “If I Can’t Have You” ให้ Yvonne Elliman ซึ่งเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา
จากความสำเร็จของภาพยนตร์ทำให้อัลบั้มเพลงประกอบได้ทำลายสถิติของเป็นอัลบั้มซาวด์แทร็กที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยยอดขายมากกว่า 40 ล้านชุด Saturday Night Fever เป็นหนึ่งในอัลบั้มเพลงประกอบที่ขายดีที่สุดห้าอันดับแรก และเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับสี่ทั่วโลก
บีจีย์ได้รับรางวัลแกรมมี่ห้ารางวัลสำหรับ Saturday Night Fever ในเวลาสองปีคือ Album of the Year, Producer of the Year สองรางวัลสำหรับการแสดงยอดเยี่ยมสำหรับนักร้องกลุ่ม คือในปี 1978 สำหรับเพลง “How Deep is Your Love” และในปี 1979 สำหรับ “Stayin ‘Alive” และการเรียบเรียงเสียงประสานที่ดีที่สุดสำหรับ “Stayin’ Alive”
เครดิตภาพ Rude Translate, TORONTO SUN, Overton Country News
#เรื่องทั่วไป #เกร็ดความรู้รอบตัว #เทคนิคต่างๆ #สาระน่าสนใจ #BeeGees