อาการแบบไหนเข้าข่าย “หิวแสง” มารู้ให้เก็ทกัน

คำว่า Spotlight Effect หรืออาการหิวแสง ผู้ที่นิยมไว้เมื่อปี ค.ศ. 1999 คือ โธมัส จิโลวิช และ เคนเนธ ซวิต นักวิจัยด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยคอร์แนล อธิบายถึงผู้คนที่ต้องการจะเรียกร้องความสนใจจากผู้คนรอบข้างและสื่อสังคมต่าง ๆ จนเกินพอดี เข้าข่ายการเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่ต้องได้รับการบำบัด ซึ่งอาการแบบไหนบ้างมารู้ให้เก็ทกัน

– อาการแบบไหนถึงจะเป็น Spotlight Effect

               1. สายปั่น ผู้ที่ชอบทำตัวแรง แดงจี๊ด โจมตีผู้อื่นเสมอทั้งที่ตัวเองมีวิสัยทัศน์และมุมมองที่แคบ ค้านกับคนหมู่มากโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงอะไรเลย ทั้งแบบจงใจและไม่จงใจ แต่ขอแรงเอาไว้ก่อน รวมถึงการแชร์ข้อมูลโดยไม่กลั่นกรอง และใช้ฉากหน้าว่าเป็นคนที่เปิดเผย แต่เมื่อคดีพลิกก็ทำเป็นว่าตัวเองนั้นรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่นำพาไปไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันพบได้มากมายบนสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ

               2. อยากดัง สำหรับผู้ที่พยายามทำตัวให้เป็นที่สนใจของคนอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการกิน นอน เที่ยว ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ขวานขวายหาเพื่อนให้เข้ามาติดตามเป็นจำนวนมาก สร้างภาพลักษณ์ต่าง ๆ ให้กับตัวเอง ดูดี โดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ในชนิดที่เรียกว่าขัดกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง

               3. เรียกร้องความสนใจ เป็นอีกอาการของหิวแสง โดยการโพสภาพโปรไฟล์หรืออัพโหลดภาพที่ทำให้ตัวเองดูหรูหรา มีของแบรนด์เนมใช้ ถ่ายภาพคู่กับรถหรู บ่งบอกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบคนมีฐานะ หรือบางคนอาจจะแต่งหน้าจัดมากกว่าคนอื่น ๆ เพื่อให้มีคนอื่นอิจฉา ติชมผ่านรูปโปรไฟล์เหล่านั้นเป็นจำนวนมาก

               4. หิวโหยการเอาใจ ด้วยการลงข้อความต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นว่ากำลังรู้สึกในบางเรื่องที่ไม่เป็นใจ เช่น กำลังเศร้า เหงา ไม่มีใคร โสด เป็นต้น การกระทำในแบบนี้เรียกว่า Sadfishing หรือการแกล้งทำเป็นเศร้าเพื่อให้เกิดความเห็นใจจากคนอื่น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้ผู้ที่อ่านหรือพบเห็นเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ กระตุ้นให้รู้สึกไม่ค่อยดีไปด้วย ในบางรายกระทำไปเรื่องเรียกให้มีผู้ไลด์หรือคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก เกิดจากโรคทางใจหลายชนิดอย่างเช่นโรคซึมเศร้า เพราะสำหรับคนทั่วไปหากต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ จะไม่โพสต์ข้อความต่าง ๆ แต่จะหาทางแก้ปัญหาด้วยการเข้าพบแพทย์หรือจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี

– รับมือกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างไร

            ในปัจจุบันอาการหิวแสงพบได้บ่อย และมีอยู่เป็นจำนวนมากบนโลกโซเชียลมีเดียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคนกลุ่มนี้จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในโพสต์ที่กำลังได้รับความนิยมหรือเป็นที่สนใจกับคนหมู่มาก ทำให้รู้สึกว่าถึงเวลาขึ้นแสดงตัวตนแสงไฟต่าง ๆ กำลังสาดส่องมาที่ตัวเอง ดังที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้นมาอาการของคนเหล่านี้คือความต้องการเรียกร้องความสนใจ ยิ่งมีคนสนใจจำนวนมาก ยิ่งคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ โดยไม่สนใจว่าข้อความที่ตอบกลับมาจะเป็นคำติชม หรือคำด่า

หากด่ามาก็ด่ากลับเพียงเท่านั้น ขอแค่ให้ได้รับความสนใจและมีที่ยืนก็เพียงพอแล้ว วิธีการรับมือง่าย ๆ คือ การเลิกให้ความสนใจ อ่านแล้วผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นความว่างเปล่าไม่มีอยู่จริง แม้ว่าจะขัดต่อความรู้สึกที่อยากจะต่อคำด้วย แต่นั่นไม่มีประโยชน์ เมื่อพวกเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็จะเลิกไปเอง

            ความเป็นจริงแม้คนหิวแสงจะมีเป็นจำนวนมาก เพื่อหาเวทีให้ตัวเองได้ยื่น หากเรามัวแต่เสียเวลาไปต่อล้อต่อเถียง ในสิ่งที่เขาเชื่อเฉพาะที่ตัวเองอยากจะเชื่อ หรือรับฟังในสิ่งที่อยากฟังเท่านั้น ก็จะรังให้เราเสียเวลา เสียอารมณ์ ความคิด และไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นกับชีวิตเลย

เครดิตภาพ : unsplash.com / medium.com / linkedin.com

YouTube : https://www.youtube.com/watch?v=tCaYHihVM7M “หิวแสง” วลีเด็ดของคนเวอร์วังในสังคม

https://www.youtube.com/watch?v=XPZZ9EjX6Pw พูดกันจังอะไรคือ”หิวแสง”ผมเริ่มรู้สึกหิวแสงขึ้นนมาละ

#เรื่องทั่วไป #เกร็ดความรู้รอบตัว #เทคนิคต่างๆ #สาระน่าสนใจ #อาการหิวแสง