เมื่อนายปิยบุตร แสงกนกกุล ร่วมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจหลายหมื่นล้าน ตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้น พรรคการเมืองนี้มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าต้องการลดอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์โดยใช้คำว่าปฎิรูป แต่ต่อมาพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคเนื่องจากนายธนาธรให้เงินกู้กับพรรคโดยทำผิดกฏหมายพรรคการเมือง นายธนาธรและนายปิยบุตรได้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นโดยยังคงการเคลื่อนไหวนอกสภาแบบเดิมและจัดให้มีการชุมนุมแบบแฟรชมอบขึ้นหลายครั้ง

การเกิดขึ้นของกลุ่ม ”เยาวชนปลดแอก” ที่มีแกนนำคือนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชีวารักษ์, นางสาวปนัสยา สิทธิปิยรัตนกุล, นายภาณุพงศ์ จาดนอก โดยจัดให้มีการชุมนุมใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กค 2563 ต่อมามีการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า”ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อวันที่ 10 สค 2563 ที่นางสาวปนัสยาได้ขึ้นไปอ่านแถลงการณ์ 10 ข้อที่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงการก้าวล่วงต่ออำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในงานนี้มีการเปิดคลิปของนายปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ บุคคลซึ่งหนีคดีอาญามาตรา 112 ไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นนายปวิณเป็นคนที่แสดงจุดยืนต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแข็งขัน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่สังคมไทยเริ่มจะทนไมได้
ต่อมากลุ่มเยาวชนปลดแอกได้เปลี่ยนชื่อหลายครั้งจนในที่สุดก็เปลี่ยนมาเป็น ”คณะราษฎร 2563” ในปัจจุบัน เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้คนไทยอีกครั้งเกิดขึ้นเมื่อมีการชุมนุมในวันที่ 13 กันยายน พศ 2563 เมื่อผู้ชุมนุมเข้าไปล้อมรถของสมเด็จพระราชินีและองค์รัชทายาทและขว้างปารถพระที่นั่งตลอดทั้งร่วมกันด่าว่าทั้งสองพระองค์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ต่อมาคณะราษฏร 2563 ได้จัดการชุมนุมเป็นรายวันขึ้นมาอีกหลายครั้ง โดยเริ่มมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงด้วยด้วยถ้อยคำหยาบคาย เอาสีไปเทลงพื้นและใส่ป้ายและเขียนถ้อยคำด่าว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จนคนไทยหลายคนไม่อยากแม้แต่จะมองเห็นภาพหรือจะทนฟังได้

การชุมนุมแต่ละครั้งเริ่มมีความก้าวร้าวหยาบคายขึ้นเรื่อยๆ มีการมั่วสุมดื่มสุราร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานจนไม่เหมือนการชุมนุมประท้วงตามปกติ เหมือนกับเป็นการออกมาชุมนุมเพื่อปลดปล่อยความบ้าคลั่งของตนเองมากกว่า ภายหลังมีการเข้ามาร่วมของกลุ่มอาชีวะและคนเสื้อแดงด้วย ผู้ชุมนุมที่มาชุมนุมโดยบริสุทธิ์ใจเริ่มหนีหายไปเพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัยของตนเอง ดังนั้นกลุ่มที่เหลือที่ยังมาชุมนุมอยู่คือคนที่มีความคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ไปจนกระทั่งล้มสถาบัน หลังจากที่เลิกการชุมนุมก็ทิ้งความสกปรกเลอะเทอะเอาไว้ให้กับบ้านเมืองจนผู้ที่ทนเห็นสภาพสกปรกเลอะเทอะไม่ไหวต้องออกมาเป็นจิตอาสาทำความสะอาดกันตามที่เป็นข่าว
การชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ได้รับการสนับสนุนจนออกนอกหน้าจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้าซึ่งไปร่วมชุมนุมด้วยหลายครั้ง ส่วนนายปิยะบุตร แสงกนกกุลนั้น ไม่แสดงตัวในที่ชุมนุมแต่ก็โพสต์สนับสนุนและชี้นำการชุมนุมทางสื่อออนไลน์มาโดยตลอด พรรคการเมืองอย่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย รวมถึงสื่อมวลชนหลายสำนักก็เสนอข่าวไปในทำนองที่เข้าข้างผู้ชุมนุม ภายหลังเริ่มมีความเคลื่อนไหวของประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยมีการรวมตัวกันเพื่อปกป้องสถาบันจนบางครั้งก็หมิ่นเหม่กับการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม

เป็นที่ทราบกันดีว่าการชุมนุมของคณะราษฏร 2563 มีผู้อยู่เบื้องหลังทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่ไม่ต้องหลอกตนเองอีกต่อไปแล้ว โดยแบ่งออกเป็นฝ่ายที่ไม่เอาสถาบันกับฝ่ายที่จงรักภักดีต่อสถาบัน จึงขอเสนอให้นำข้อเรียกร้องทั้ง 10 ข้อของกลุ่มธรรมศาสตร์จะไม่ทน รวมทั้งข้อเรียกร้อง 3 ข้อของคณะราษฎร 2563 ส่งให้พรรคก้าวไกลเสนอสู่รัฐสภาและให้มีการอภิปรายและลงมติในรัฐสภา โดยพิจารณาข้อเสนอกันเป็นข้อๆไป อย่าปล่อยให้มีการชุมนุมอย่างเละเทะแบบนี้อีกต่อไปเลย
การความเปลี่ยนแปลงจากการชุมนุมไม่มีทางเกิดขึ้น สุดท้ายแล้วเป็นไปได้ว่าคนพวกนี้ก็จะเผาบ้านเผาเมืองและก็จะต้องมีการปราบปรามจากรัฐบาล เลือดก็จะไหลนองแผ่นดินอีกครั้ง ซึ่งอาจจะไปเข้าทางของคนที่สั่งการอยู่เบื้องหลังรวมทั้งคนแดนไกลบางคนที่อยากกลับบ้านและเป็นช่องทางให้กองกำลังของประเทศมหาอำนาจเข้ามาจัดระเบียบและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศไทย ขออย่าให้ออกมาในรูปนั้นเลยควรให้จบที่รัฐสภาดีกว่าปล่อยให้ชุมนุมต่อ
เครดิตภาพ ฐานเศรษฐกิจ, กรุงเทพธุรกิจ
#เรื่องทั่วไป #เกร็ดความรู้รอบตัว #เทคนิคต่างๆ #สาระน่าสนใจ #การชุมนุม #เยาวชนปลดแอก