ความรักเป็นธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ มนุษย์ทุกคนรู้จักรักตั้งแต่เริ่มจำความได้ รักแรกที่เราได้รับรู้คือความรักของพ่อและแม่ที่เป็นผู้ให้กำเนิดกับเรา แต่พอเราเริ่มโตขึ้นมาความรักในตัวเราก็มีมากขึ้นจนต้องเผื่อแผ่ไปให้กับคนอื่นด้วย
ตอนที่เป็นเด็กเล็กเราจะถูกแวดล้อมด้วยคนในครอบครัวของเราไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้านเรือนเคียง เราจะมีความรู้สึกอบอุ่นรู้สึกดีและรู้สึกว่าเราได้รับความรักความอาทรจากพวกเขาเหล่านั้นและเราก็พร้อมที่จะมอบความรักให้พวกเขาด้วยเช่นกัน

เมื่อเราเริ่มมีเพื่อนเราจะรู้สึกว่าโลกของเรากว้างใหญ่ขึ้น เพื่อนน่าจะเป็นผู้ที่มาเติมเต็มชีวิตเราเพราะโลกที่แต่ละคนเห็นมาแตกต่างกัน การมีเพื่อนคือจุดเริ่มต้นของการมีสังคมและสอนให้เราได้เรียนรู้ที่จะเผื่อแผ่ความรักของเราให้กับคนอื่น นอกจากคนที่อยู่ใก้ลชิดกับเรา แม้ว่าเราจะมอบความรักให้กับเพื่อนแต่ละคนไม่เท่ากันตามความสนิทสนมและความชอบที่ต่างกัน
ความสนใจต่อเพศตรงข้ามเริ่มต้นขึ้นเมื่อเราโตเป็นวัยรุ่น ร่างกายของทั้งเพศชายและเพศหญิงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนตามหลักทางวิทยาศาสตร์ ความรู้สึกที่เรียกว่าความรักระหว่างเพศจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่างก็ให้ความสนใจซึ่งกันและกัน แต่เพศชายแสดงออกได้เต็มที่มากกว่าเพศหญิงด้วยเป็นเรื่องของประเพณีวัฒนธรรม
ความใก้ลชิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดเป็นความรักขึ้นมาและพัฒนามาเป็นแฟนหรือเป็นคนรักกัน ช่วงเวลานี้เส้นกราฟของความรักขึ้นมาถึงจุดสูงสุดและมีอิทธิพลกับความรู้สึกนึกคิดของคนมากที่สุด คนที่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี และเป็นช่วงเวลาที่ความหลงเข้ามามีอิทธิพลเหนือกว่าความรักแบบปกติ

สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้จึงเกิดขึ้นได้ทั้งด้านบวกและด้านลบคือความสุข ความสมหวัง ความเต็มอิ่มทางอารมณ์ ในทางกลับกันคือความเสียใจ ความผิดหวัง ความเคร้า ความท้อแท้ ความเกลียดและความอาฆาตแค้น สิ่งที่ตามมาคือการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปโดยขาดสติควบคุม ในช่วงเวลานี้คนบางคนอาจมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ขณะเดียวกันคนบางคนก็มีชีวิตที่แห้งแล้งความรักหรือรักข้างเดียวตลอดมา บางคนอาจมีความรู้สึกต่อต้านความรักไปเลย
ความรักของคนหนุ่มสาวเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตครอบครัว พอมาถึงจุดนี้ความรู้สึกหวือหวาหรือเต็มอิ่มควรจะต้องลดลงและต้องเพิ่มความมีเหตุมีผลขึ้นมาเพื่อเริ่มต้นสร้างครอบครัวและประคับประคองครอบครัวให้เดินต่อไป
การมีครอบครัวที่สมบูรณ์หมายถึงการมีทายาทที่จะเป็นผู้สืบสายเลือดของเราสิ่งที่เกิดขึ้นคือการขยายความรักออกไปเป็นความรักครอบครัวไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความรักเฉพาะตัวแบบความรักของหนุ่มสาวอีกต่อไป เพราะสิ่งที่ตามมาคือความรับผิดชอบต่อครอบครัวซึ่งมีลูกเป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาและมาเติมเต็มความเป็นครอบครัวอย่างแทัจริง
สิ่งที่มาทดแทนความรักของผู้เป็นพ่อและแม่คือความผูกพันธ์และความเป็นเพื่อนที่มีต่อกันมากกว่า ความรักจะหลั่งไหลไปที่ลูกพร้อมกับความห่วงใยต่อลูกที่มีเพิ่มขึ้น ลูกคือจุดโฟกัสในความหมายของความรักของพ่อแม่ จนกระทั่งวัยล่วงไปเข้าสู่วัยชราก็จะไม่เปลี่ยนไป
ตลอดชีวิตของคนเราผูกพันธ์อยู่กับความรักในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่เริ่มแรกที่ลืมตาขึ้นมาดูโลก เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กเล็กๆ เป็นเด็กโต เป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นปู่ย่าตายาย ความรักเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่จะทำให้มนุษย์อยู่บนโลกนี้ได้โดยไม่แห้งแล้งในชีวิต

ความรักทุกแบบที่กล่าวมาคือความรักในทางโลกทั้งสิ้นเป็นความรักที่มากับความยึดมั่นถือมั่นและไม่อาจหลีกหนีจากความทุกข์ที่ตามมาเหมือนเงาของความรัก ความยึดมั่นในความรักทำให้เกิดความรู้สึกและความต้องการที่จะครอบครองและเป็นเจ้าของ ความรักเช่นนี้คือพันธนาการของชีวิตไม่ทำให้ชีวิตมีอิสระได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์
ความรักที่ดีที่สุดคือความรักที่ไม่มีความยึดมั่นไม่มีความต้องการครอบครองเป็นเจ้าของสิ่งใดแม้แต่ชีวิตของตัวเอง ทั้งหมดคือเพื่อนร่วมเกิดร่วมแก่ร่วมเจ็บและร่วมตายกับตัวเราทั้งสิ้น และเราสามารถที่จะรักทุกสิ่ง เมตตาเอื้ออาทรต่อทุกสิ่ง ให้อภัยต่อทุกสิ่งและเหนือสิ่งอื่นใดคือให้ธรรมะแก่ทุกคน นี่แหละคิอความรักที่จะทำให้ชีวิตเราเป็นอิสระที่แท้จริงที่เรียกว่าเป็นความรักที่อยู่เหนือโลก
เครดิตภาพ Creative Talk, theAsianparent, Wegointer
#เรื่องทั่วไป #เกร็ดความรู้รอบตัว #เทคนิคต่างๆ #สาระน่าสนใจ #ความรักคืออะไร