เมื่อผู้เขียนทำงานที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมาประมาณ 5 ปี ผู้เขียนได้ทุนจาก UNDP (United Nations Development Program) ให้ไปเรียนหลักสูตรด้านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ประเทศจีนประมาณ 3 เดือน การไปเรียนหลักสูตรนี้คือประสบการณ์ครั้งแรกในการไปเมืองนอก จึงเป็นความภูมิใจและดีใจเนื่องจากเป็นตัวแทนของประเทศไทยคนเดียวที่ได้ไป ก่อนอื่นผู้เขียนต้องไปสอบภาษาอังกฤษให้ผ่านเสียก่อนตามระเบียบของรัฐ โดยต้องไปสอบที่สภาพัฒน์ที่อยู่ติดกับที่ทำงานของตัวเองคือศูนย์โทรคมนาคมขององค์การโทรศัพท์ฯ ถนนกรุงเกษม ริมคลองผดุงกรุงเกษม

ในที่สุดก็สอบภาษาอังกฤษผ่านและได้รับอนุมัติให้เดินทางไปเรียนที่เมืองจีนโดยหน่วยงานต้นสังกัดเตรียมเรื่องตั๋วเครื่องบินไปกลับและเบี้ยเลี้ยงให้ ผู้เขียนต้องเดินทางไปทำพาสปอร์ตและไปขอวีซ่าเข้าประเทศที่สถานฑูตจีน แต่สิ่งที่สร้างความหนักใจคือการเดินทางครั้งนี้ต้องไปพักเครื่องบินที่ฮ่องกงและบินต่อไปเทียนสินก่อนเปลี่ยนเครื่องและบินต่อไปถึงปักกิ่ง
– ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกไปเมืองนอก

การเดินทางไปเมืองนอกครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ขึ้นเครื่องบิน ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าตื่นเต้นแค่ไหน ผู้เขียนผ่านการเช็คอินที่สนามบินดอนเมืองและขึ้นไปนั่งบนเครื่องอย่างอุ่นใจ เครื่องบินวิ่งไปตามรันเวย์และทะยานขึ้นจากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้าสู่ฮ่องกง ตอนเครื่องบินทำความเร็วให้ได้พอที่จะเชิดตัวเครื่องให้พุ่งขึ้นไปนั้น หัวใจเต้นแรงและกลั้นหายใจตลอด จนกระทั่งถึงเพดานบินปกติจึงรู้สึกผ่อนคลายลง เครื่องโบอิ้ง 747 เป็นเครื่องบินลำใหญ่เวลาบินได้ระดับจะรู้สึกเครื่องนิ่มมาก
วันที่เดินทางไปเมืองนอกสภาพอากาศในวันนั้นมีพายุที่กำลังอยู่ในทะเลจีนใต้ ขณะที่ใก้ลจะถึงฮ่องกงเครื่องบินตกหลุ่มอากาศหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งเครื่องบินตกหลุมอากาศแรงมากจนเหมือนกับตกจากระดับบินเดิมลงมา ผู้เขียนแทบหยุดหายใจพร้อมกับสวดมนต์ในใจ ในที่สุดเครื่องบินของสายการบินไทยก็บินถึงสนามบินไคตั๊กของฮ่องกง
ผู้โดยสารทั้งหมดทะยอยลงจากเครื่องเพื่อพักผ่อน เพราะเครื่องบินต้องพักเครื่องประมาณสองชั่วโมง เดินเตร่ไปมาอยู่ในสนามบินไม่ได้ออกไปไหนเพราะกลัวตกเครื่อง ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่หญิงของสนามบินเดินเข้ามาขอเอาเครื่องตรวจจับโลหะแสกนที่ตัวหลังจากนั้นเธอก็เดินจากไป ถึงเวลาก็ตรงไปขึ้นเครื่องทันเวลาตามปกติเพื่อบินต่อไปยังเมืองเทียนสิน

ตามรายละเอียดการเดินทางไปเมืองนอกครั้งนี้จะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่เมืองเทียนสิน หรือเทียนจินซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจีนอยู่ติดกับปักกิ่ง ที่นี่เองเมื่อบินมาถึงต้องทำการเปลี่ยนเครื่องจากเครื่องของการบินไทยเป็นเครื่องบินภายในประเทศของจีน ซึ่งทราบภายหลังว่าตอนที่ได้รับบรอดดิ้งพาสที่ดอนเมืองทางเคาร์เตอร์ออกตัวให้ใบเดียว
ซึ่งตามขั้นตอนแล้วจะต้องไปรอกระเป๋าและเช็คอินใหม่เพื่อจะได้บรอดดิ้งพาสใบใหม่เพื่อมาขึ้นเครื่องบินในประเทศของจีนและทางสนามบินจะโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องใหม่ แต่ผู้เขียนไม่ได้ทำขั้นตอนนี้ ไปรอขึ้นเครื่องเลยเพราะความไร้ประสบการณ์ เครื่องบินของสายการบินจีนลำนี้เป็นเครื่องเล็กมากพนักงานบนเครื่องก็ค่อนข้างกระด้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากขอให้พาไปถึงปักกิ่งก็พอ เมื่อเดินทางไปถึงปักกิ่งเป็นเวลากลางคืนแล้วก็ตรงไปที่สายพานสำหรับรับกระเป๋า รออยู่นานเกือบชั่วโมงกระเป๋าก็ไม่มาเสียที ผู้เขียนเริ่มใจเสียและคิดว่าน่าจะมีอะไรผิดพลาด
ในที่สุดเมื่อไม่มีกระเป๋ามาจึงเดินคอตกออกมาเพื่อจะได้พบกับคนที่มารอรับแต่ก็ไม่พบ มาทราบทีหลังว่าเขามารอนานแล้วเลยกลับไปก่อน จึงเดินไปที่เคาร์เตอร์เพื่อแลกเงินดอลล่าร์เป็นเงินหยวนจำนวนหนึ่งเอาไว้เป็นค่าใช้จ่าย แล้วก็มองหาแท็กซี่ไปส่งที่ BUPT (Beijing University of Post and Telecom) รถแท็กซี่พาออกจากสนามบินมาที่มหาวิทยาลัยผ่านตัวเมืองที่มีตึกสูงๆ หลายตึก ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึง BUPT เขาขับรถตรงไปที่อาคารที่พักของนักศึกษาต่างชาติ พนักงานของอาคารมารับและพาไปที่ห้องพัก ทราบภายหลังว่ากระเป๋าไปตกค้างอยู่ที่เทียนสินซึ่งมีเพื่อนคนจีนช่วยตามเอามาให้ภายหลัง
ผู้เขียนผ่านวันอันแสนเหนื่อยและเครียดของการเดินทางไปเมืองนอกครั้งแรกมาด้วยความทุลักทุเล ถึงตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรแล้วและล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนเพลียวันพรุ่งนี้ค่อยคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เครดิตภาพ Storylog, Rabbitfinance, ข่าวสด
#เรื่องทั่วไป #เกร็ดความรู้รอบตัว #เทคนิคต่างๆ #สาระน่าสนใจ #ประสบการณ์เมืองนอกครั้งแรก