ปัจจุบันอาการนอนไม่หลับ นอนไม่เพียงพอ ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น กระทบงานเป็นอาการที่เกิดขึ้นแพร่หลายในคนไทย รายงานล่าสุดในปี 2019 คาดว่ามีคนไทยมากถึง 19 ล้านคนที่เผชิญอาการนี้อยู่…!
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนัก แนะนำวิธีที่ง่ายและได้ผล คือ ให้ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับยาก ให้เขียนตารางออกวิ่งหรือเดินเร็วครั้งละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 4 วัน จะช่วยให้หลับง่ายขึ้นพบว่าได้ผลดีไม่ว่าผู้ป่วยจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม
เพราะสาเหตุส่วนหนึ่งของการนอนไม่หลับ มาจากความเครียดวิตกกังวล บางรายนอนน้อย หรือหลับยากติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันประชากรทั่วโลกราว 2,000 ล้านคนเผชิญเรื่องนี้อยู่ มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ที่ตลกร้าย คือ การรักษาเบื้องต้นด้วยตัวเอง คือ การเลือกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้หลับง่าย ทั้งที่มีผลร้ายต่อตับและมีแนวโน้มให้เป็นผู้ติดเหล้าตามมา
DRT-Dynamic Running Therapy หรือ แนวคิดการวิ่งเพื่อผ่อนคลายจิตใจและร่างกายให้รู้สึกปลอดโปร่งกำลังเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ผู้ริเริ่มเรื่องนี้ คือ วิลเลี่ยม พูลเลน นักจิตบำบัดในลอนดอน บวกกับแนวคิดการรักษาโรค ด้วยการป้องกันโรค ไม่ใช่ยา เริ่มเป็นทางเลือกของผู้ป่วยที่รู้ตัวว่าตัวเองเครียด
หัวใจสำคัญของการวิ่งเพื่อบำบัดแบบ DRT คือ การออกไปวิ่งยามเช้าในที่โล่ง อากาศถ่ายเทดี เป็นพื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะ ให้ได้รับแสงแดดอุ่นๆ วิ่งอย่างน้อย 45 นาที มีบทสนทนากับผู้อื่นบ้าง ให้ทำสัปดาห์ละ 3-4 วัน นานต่อเนื่อง 6 สัปดาห์
ความวิตกกังวลต่างๆ ความเครียดต่อครั้งจะถูกสลายไป เพราะส่วนหนึ่งมาจากการได้รับสาร ‘เอนดรอฟิน’ (Endorphin)ในแต่ละครั้งนั่นเอง ข้อมูลจากหนังสือเรื่อง Running with Mindfulness ของ William Pullen
12 ชั่วโมง คือ ผลของความอารมณ์ดี ร่างกายกระปรี้กระเปร่าต่อเนื่อง หลังจากที่คุณออกวิ่งไปเพียง 20 – 30 นาทีต่อครั้ง ข้อมูลจากหนังสือเรื่อง Eat Move Sleep ของ Tom Rath
การวิ่งช่วยกระตุ้นการจดจำ และช่วยเรื่องเซลล์ประสาทของสมองได้ โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีระดับโปรตีนที่เรียกว่า “BDNF” Brain derived neurotrophic factor) สูงกว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย โดย BDNF จะที่สูงขึ้นจะช่วยให้การทำงานของสมองเป็นไปอย่างปรกติ ช่วยให้มีสมาธิระหว่างวัน
การวิ่งออกกำลังกายมีส่วนช่วยปรับระดับสารเคมีในสมองของผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะสารสำคัญ 3 ชนิดที่ลดต่ำลงเมื่อมีอาการได้แก่ ซีโรโทนิน (Serotonin) โดปามีน (Dopamine) และนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine)
โดยการวิ่งออกกำลังกายจะมีการหลั่งสาร ‘เอนโดแคนนาบินอยส์’ (Endocannabinoids) ช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง เช่น การวิ่งในระดับที่เหนื่อยพอดีๆ นาน 20-30 นาทีต่อครั้ง
คอเลสเตอรอล คือ ไขมันชนิดหนึ่ง ถ้ามีมากเกินไปจะไปเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดแดง เกิดการตีบตันจนเลือดทำให้เลือดเดินทางไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญๆ ไม่เพียงพอ เกิดอาการเจ็บหน้าอก หัวใจขาดเลือด หรืออัมพฤกษ์ อัมพาตที่เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ
การวิ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ได้ 5-10% และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (HDL) ได้ 3-6% หากคุณวิ่งต่อเนื่อง 6 สัปดาห์จะเห็นเรื่องนี้
กล่าวโดยสรุปปัญหาด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตในหลายๆ มิติ สามารถเข้าสู่กระบวนการแก้ไข บรรเทา หรือ ป้องกันได้ ด้วยการเดิน- วิ่งออกกำลังกายครั้งละ 30-45 นาที (หรือ 4-7 กิโลเมตร) โดยทำต่อเนื่องให้ได้ 4 ครั้ง/สัปดาห์ รักษาความมีวินัยนี้ที่ 4-6 สัปดาห์จะพบความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
#วิ่งเหมือนเป็นยาสามัญประจำบ้าน #แทงบอล