จุดเริ่มต้นวิวัฒนาการของสังคมไทย

ประเทศสยามสมัยต้นรัตนโกสินทร์คงจะมีประชากรประมาณ 5 ล้านคน ตอนนั้นประเทศยังไม่มีวิวัฒนาการทางระบบการแพทย์และสาธารณสุข แม้ประเทศจะมีความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารแต่ก็เกิดโรคระบาดขึ้นบ่อยๆ เมื่อมีคนเกิดขึ้นมาก็มีคนตายไปในปริมาณพอกัน ดังนั้นจำนวนประชากรของประเทศสยามจึงคงที่ตลอดมา สำหรับวิถีชีวิตของราษฎรนั้นต่างก็ทำมาหากินกันไปไม่มีเหตุที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงในการบริโภคหรือต้องขยายปริมาณการผลิตสินค้าและไม่มีวิวัฒนาการในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ทางด้านการปกครองบ้านเมืองก็เป็นอำนาจสิทธิ์ขาดของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีพระราชภาระในการปกป้องอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัยจากอันตรายทั้งจากภายในประเทศและนอกประเทศ การดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งทางด้านการใช้ชีวิต ลักษณะที่อยู่อาศัย การแต่งกายและศิลปะวัฒนธรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นกับจึงแทบจะไม่มีวิวัฒนาการใดๆและไม่มีความแตกต่างกับสมัยอยุธยาตอนปลาย ครั้งแรกที่ประเทศสยามทำสนธิสัญญากับต่างชาติ คือการทำสัญญากับอังกฤษในปี พ.ศ. 2398 ที่เรียกว่าสนธิสัญญาเบาว์ริ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเพราะเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดวิวัฒนาการทางสังคมขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศสยามและดำเนินต่อมาจนปัจจุบัน เริ่มต้นจากการค้าขายโดยการส่งออกข้าวให้กับฝรั่งอังกฤษเพื่อซื้อไปขายต่อให้แก่บรรดาประเทศราชของตนในเอเชีย เช่น สิงคโปร์, มลายู, ฮ่องกง เป็นต้น นอกจากข้าวแล้ว ยังมีสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น พริกไทย, เครื่องเทศ, ถั่วงา และอื่นๆ รวมไปถึงดีบุก, ไม้สักและยางพารา เมื่อเกิดความต้องการทางการตลาดขึ้น การทำนาปลูกข้าวจึงขยายตัวออกไป มีการตั้งโรงสีเพื่อรับซื้อข้าวจากชาวนา จึงเกิดวิวัฒนาการในการทำเกษตรกรรมเปลี่ยนจากการทำเพียงเพื่อบริโภคภายในครัวเรือนเป็นการผลิตเพื่อการขายเป็นหลักและมีการเพิ่มพื้นที่การปลูกข้าวขึ้นมาอีกหลายล้านไร่ ในขณะเดียวกันก็มีวิวัฒนาการในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น เดิมสยามเคยซื้อสินค้าจากจีนและประเทศเพื่อนบ้านใก้ลเคียง ก็เพิ่มการนำเข้าสินค้าของฝรั่งด้วย ซึ่งมีสินค้าหลากหลายจนเป็นความนิยมของคนไทยมาถึงทุกวันนี้ ภายหลังประเทศญี่ปุ่นสามารถผลิตสินค้าแบบเดียวกับฝรั่งและมีราคาถูกกว่า คนไทยจึงหันมาซื้อสินค้าสินค้าญี่ปุ่นด้วยเช่นกันสินค้าฝรั่งที่สามารถนำเข้ามาขายให้คนไทยได้จำนวนมากคือสุรา เพราะสุราฝรั่งมีแอลกอฮอลล์สูงกว่าสุราไทยและมีรสชาดดีกว่า อีกทั้งในสนธิสัญญาเบาว์ริ่งกำหนดให้เก็บอากรสินค้านำเข้าได้ไม่เกินร้อยละ 3 จึงทำให้สุราฝรั่งมีราคาไม่แพงมากและคนไทยมีกำลังซื้อมาบริโภคได้โดยง่าย […]